เลี้ยงลูกด้วยลูกยอ
กิร ดังได้สดับมา
สามีภรรยาคู่หนึ่ง ช่วยกันทำมาหากินจนมีฐานะค่อนข้างดีและช่วยกันเลี้ยงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวอย่างถะนุถนอมตั้งใจไว้ว่าโตขึ้นจะให้เป็นหมอ จึงพยายามหาวิธีให้ลูกเรียนเก่งๆจะได้เรียนเป็นหมออย่างที่ต้องการ โดยหาการ์ตูนบ้าง นิทานสนุกๆบ้าง วารสารทางวิชาการบ้าง นิตยสารบ้าง มาวางไว้ตรงนั้นตรงนี้เพื่อฝึกให้ลูกรักการอ่าน เขาชอบอ่านอะไรก็พยายามหามาให้อ่าน จนกระทั่งลูกติดนิสัยรักการอ่าน ทำอย่างนี้จนลูกเข้าเรียนมัธยม
วันหนึ่งมีเพื่อนของพ่อมาเยี่ยมที่บ้าน เพื่อนถามถึงลูกชาย พ่อรู้อยู่ว่าลูกชายอยู่ในห้องใกล้ๆและกำลังเล่นอะไรเพลินอยู่ จึงตอบเสียงดังพอทึ่ลูกที่อยู่ในห้องจะได้ยินว่า
คงอยู่ในห้องมั้ง ลูกคนนี้เขาเก่งชอบอ่านหนังสือ ท่าทางจะเรียนหมอ เขาไม่ชอบไปสุงสิงกับใคร ไม่ชอบเที่ยวเตร่ แม่เขางี้ภูมิใจลูกคนนี้นักหนา ไอ้เราก็พลอยปลื้มไปด้วยที่จะได้เห็นลูกเป็นหมอกับเขาสักคน
ลูกชายที่อยู่ในห้องได้ยินพ่อพูดอย่างนั้นก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย
นี่คุณพ่อคุณแม่ของเราคงอยากให้เราเป็นหมอแน่นอน เราท่าจะขี้เกียจและเอาแต่เล่นไม่ได้เสียแล้ว ไม่งั้นคุณแพ่อคุณแม่จะเสียใจแย่ เขาคิดด้วยสำนึกที่ดี
ต่อมาเพื่อนของแม่มาหา แม่ก็พูดชมลูกของตนต่อหน้าเพื่อนไม่ขาดปาก
นี่เธอรู้ไหม ลูกของฉันคนนี้คงไม่ทำให้ฉันผิดหวังแน่ๆ เขาเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ ฉันงี้สบายใจจริงๆที่มีลูกคนนี้
เพื่อนได้ฟังก็พลอยยินดีไปด้วยและหันมาชื่นชมลูกของเพื่อน
ให้มันได้อย่างนี้สิหลานฉัน ฉันจะคอยดูหลานเป็นหมอ เผื่อฉันเจ็บป่วยจะได้อาศัยให้ช่วยดูแล ขยันอย่างนี้ เรียนเก่งอย่างนี้ต้องเรียนหมอจบได้แน่ๆ
ลูกได้ยินคำยกย่องเยินยอจากปากพ่อแม่อย่างนี้เป็นประจำ แทนที่จะทำให้อึดอัดคับข้องใจเพราะตนไม่อยากเป็นหมอ แต่กลับเป็นเข็มทิศให้ตนตัดสินใจที่จะเรียนหมอให้ได้ตามที่พ่อแม่ต้องการ แล้วในที่สุดก็สามารถสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและเรียนจบเป็นแพทย์ได้ ซึ่งนำความปลาบปลื้มให้แก่พ่อแม่ญาติพี่น้องยิ่งนัก.
เรื่องนี้สื่อความได้ว่า :
การต้องการให้ลูกเป็นอย่างไรมิใช่สำเร็จได้เพียงแค่ต้องการเท่านั้น
แต่วิธีการที่จะให้ลูกเป็นตามที่ต้องการต่างหากที่สำคัญกว่าทุกอย่าง
การปลูกฝังบ่มเพาะความต้องการของตนให้เจริญเติบโตอยู่ในความคิดของลูกอย่างฉลาด การหาอุบายให้ลูกซึมซับความรู้สึกของตนไปทีละเล็กละน้อยด้วยคำพูดบ้าง ด้วยกิริยาอาการบ้าง ด้วยการชมเชยหรือให้รางวัลเมื่อเขาได้รับความสำเร็จในการเรียนบ้าง ด้วยการให้กำลังใจ หรือปลอบใจเมื่อเขาได้คะแนนต่ำในบางวิชาบ้าง ล้วนเป็นเครื่องกระตุ้นให้ลูกเป็นอย่างที่ต้องการได้ทั้งสิ้น
ส่วนการบังคับเคี่ยวเข็ญ การดุด่า การดูถูกดูแคลน การยกเด็กอื่นมาข่มลูกตัวเองเป็นต้น ล้วนแต่เป็นเครื่องบั่นทอนจิตใจลูก และทำให้คิดต้านไม่อยากทำตามที่พ่อแม่ต้องการ
การใช้ ลูกยอ กับลูกนั้นไม่ต้องกลัวลูกจะเหลิง
ขอเพียงใช้ให้เป็น ใช้ให้ถูกกาลเทศะ ไม่พร่ำเพรื่อ
และใช้ให้สมจริงสมจังเท่านั้น เป็นได้ผลทุกรายไป.
|